วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บันทึกการอ่าน ครั้งที่ ๓๐

วันที่ ๑๕ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๑

บุหรี่ไฟฟ้า


         บุหรี่ไฟฟ้า คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งซึ่งใช้แบตเตอรี่ในการทำงานเพื่อสร้างความร้อนและไอน้ำที่ประกอบไปด้วยสารต่าง ๆ เช่น นิโคติน (Nicotine) โพรไพลีนไกลคอล (Propylene Glycol) กลีเซอรีน (Glycerine) สารแต่งกลิ่นและรส (Flavoring) และน้ำ เมื่อเปิดเครื่องจะมีไฟสีแดงขึ้นพร้อมกับการทำงานของแบตเตอรี่ เกิดความร้อนทำให้น้ำยาที่บรรจุอยู่ภายในระเหยขึ้นมาเป็นควัน เมื่อสูบเข้าไปในปอดร่างกายจะได้รับนิโคตินก่อนที่จะถูกพ่นออกมา ไม่มีควันจากการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ปกติทั่วไป บุหรี่ไฟฟ้าจึงไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันดินหรือทาร์ (Tar) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

     ส่วนประกอบของบุหรี่ไฟฟ้า
บุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานการผลิตที่เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน จึงทำให้ยากที่จะตอบได้ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง โดยทั่วไปมีลักษณะคล้ายบุหรี่ปกติทั่วไป หรืออาจดัดแปลงให้มีลักษณะต่างออกไป ซึ่งส่วนประกอบหลักของบุหรี่ไฟฟ้าแบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ แบตเตอรี่ (Battery) ตัวที่ทำให้เกิดไอและความร้อน (Atomizer) และตลับเก็บน้ำยา (Cartridge)
บุหรี่ไฟฟ้าจะทำงานได้ไม่เต็มรูปแบบถ้าขาดน้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า (E-Liquid หรือ E-Juice) ซึ่งบรรจุอยู่ในตลับเก็บน้ำยาเพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการทำความร้อนก่อนกลายเป็นไอที่ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าสูบเข้าไปในปอด ส่วนผสมที่พบมากในน้ำยา E-Liquid หรือ E-Juice มีดังนี้
  • นิโคติน (Nicotine) เป็นสารสกัดจากใบยาสูบและเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่พบได้ในทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ปกติทั่วไป นิโคตินจะทำให้ร่างกายเสพติดการใช้บุหรี่ และจะเข้าไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มความดันโลหิต เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจ ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอดและโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ ระดับนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ เปอร์เซ็นต์ มิลลิกรัม และระดับความเข้มข้น ได้แก่ ระดับสูง ระดับกลาง และระดับต่ำ
  • โพรไพลีนไกลคอล (Propylene Glycol) เป็นสารสังเคราะห์ชนิดหนึ่งที่องค์การอาหารและยา (FDA) ยืนยันถึงความปลอดภัยว่าใช้ได้ทั้งในอาหาร ยา และเครื่องสำอาง รวมถึงนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในการสร้างไอหรือหมอกสำหรับเวทีการแสดงต่าง ๆ แต่เมื่อสัมผัสหรือสูดดมเข้าไปอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ดวงตาและปอดได้ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง
  • กลีเซอรีน (Glycerine) เป็นสารที่ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น แต่มีรสชาติหวานเล็กน้อย องค์การอาหารและยา (FDA) ยืนยันถึงความปลอดภัยว่าใช้ได้ทั้งในอาหารและยา แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อเปลี่ยนรูปแบบเป็นไอที่สูบหรือสูดแล้วเกิดผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย เช่นเดียวกันกับโพรไพลีนไกลคอล
  • สารแต่งกลิ่นและรส (Flavoring) เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารทั่วไป มีความปลอดภัยเมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกาย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อเปลี่ยนรูปแบบเป็นไอที่สูบหรือสูดแล้วเกิดผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย ตัวอย่างเช่น สารไดอะซิติล (Diacetyl) ที่พบมากในเนยสำหรับทำป็อปคอร์น อาจเป็นสาเหตุของปัญหาระบบทางเดินหายใจและปอด

   ข้อดีของการใช้บุหรี่ไฟฟ้า
บุหรี่ไฟฟ้ามีข้อดีที่แตกต่างจากการใช้บุหรี่ปกติทั่วไป เช่น บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีควันจากการเผาไหม้เหมือนในบุหรี่ปกติทั่วไป ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันดินหรือทาร์ (Tar) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) หรือสารพิษอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมองแตก และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ ยังตรวจพบสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายในระดับที่ต่ำกว่าบุหรี่ปกติทั่วไปอีกด้วย
  ข้อเสียของการใช้บุหรี่ไฟฟ้า
ใบยาสูบคือสิ่งที่ทำให้บุหรี่ปกติทั่วไปแตกต่างจากบุหรี่ไฟฟ้า แต่นิโคตินยังคงเป็นส่วนประกอบหลักในบุหรี่ไฟฟ้าและเป็นสารเสพติดที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น กระตุ้นสมอง ทำให้เกิดอาการมึนงง กระตุ้นหัวใจทำให้อัตราการทำงานของหัวใจเพิ่มขึ้น หัวใจทำงานหนัก เกิดภาวะหัวใจวาย ทำให้เส้นเลือดหดตัวซึ่งส่งผลให้เกิดความดันในเลือดสูงขึ้น เส้นเลือดในสมองแตก ปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ หายใจเร็ว เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอด มีความผิดปกติทางอารมณ์ สมาธิและความคิด ปัญหาของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นต้น เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในประเทศไทยได้ไม่ถึง 10 ปี แพทย์จึงยังไม่ทราบผลเสียหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อร่างกายในระยะยาว



ที่มา : สุรเทพ  วิจิตเนตร.บุหรี่ไฟฟฟ้า.กรุงเทพฯ:กรีนปัญญาญาณ,๒๕๕๙



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น